เดหลีใบกล้วย

เดหลีใบกล้วย

เดหลีใบกล้วย

ชื่อต้นไม้: เดหลีใบกล้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์Spathiphyllum cannifolium (Dryand.) Schott.
ชื่ออื่นๆ:  เจ็ดทิวา/กวักมงคล/หน้าวัวไทย

ลักษณะทั่วไป:     ไม้พุ่มขนาดเล็ก มีเหง้าใต้ดิน แตกกอ ทุกส่วนมีน้ำยางใส
ใบ:ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับ รูปรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 15-25 เซนติเมตร ยาว 30-50 เซนติเมตร ปลายใบมน โคนใบสอบ ขอบใบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบสองด้านของเส้นกลางใบมักจะมีขนาดไม่เท่ากัน ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้ม อ่อนแผ่โค้งลง เป็นร่องตามแนวเส้นใบชัดเจน ใบอ่อนจะมีสีเหลืองอมเขียว ก้านใบยาว ประมาณ 40 เซนติเมตร
 ดอก:สีขาว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกเป็นช่อแบบช่อเชิงลดที่ปลายกิ่ง มีจานรองดอกสีขาวถึงขาวนวล รูปรี โค้งงอเล็กน้อย ปลายเรียวแหลมด้านหลังมีสีเขียว ปลีดอกยาว ดอกย่อยมีขนาดเล็ก 6 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อม ติดกัน ไม่มีก้านดอก

การปลูกและดูแลรักษา: การขยายพันธุ์เดหลีง่ายมาก เพียงแต่ขุดเอาเหง้าขึ้นมา แล้วแยกเหง้าออกจากกัน ปลูกแยกส่วน การเตรียมดินก็เป็นดินร่วนซุยคลุกกับปุ๋ยคอก เพื่อลำต้นจะได้รับน้ำอย่างเพียงพอ แต่น้ำต้องไม่ขังแฉะ การปลูกนิยมปลูกแต่งสวนเป็นแปลงยาว ปลูกใต้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ ปลูกตามข้างตึก หรือปลูกในกระถาง จัดประดับตามห้อง ในตึก ระยะการปลูกเป็นแปลงห่างกัน 30 ซม.

การนำไปใช้จัดสวน : ไม้พุ่มขนาดกลาง ไม้ดอก ไม่ผลัดใบ ปลูกในที่ร่ม

เดฟหัวใจล้านดวง

เดฟหัวใจล้านดวง

เดฟหัวใจล้านดวง

ชื่อต้นไม้: เดปหัวใจล้านดวง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Dischidia ruscifolia Decne. ex Becc.
ชื่อเรียกอื่น: –

ลักษณะโดยทั่วไป: ต้นหัวใจล้านดวง เป็นไม้เลื้อยขนาดเล็กประเภทเดียวกันกับต้นเดป มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว นิยมปลูกเป็นไม้แขวน ไม้ดัด เพื่อความสวยงาม
ลำต้น:มีลักษณะเป็นเถาเลื้อยสีเขียวหรือสีน้ำตาลอมแดง ขนาดเล็ก สามารถทอดยาวไปได้ไกลประมาณ 1-2 เมตร มีข้อตามเถา
ใบ:มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ แผ่นใบสีเขียวสด หนา อวบน้ำ โคนใบมน ปลายใบแหลมเป็นติ่ง เส้นใบนูนขึ้นมาเห็นได้ชัด มีขนาดความกว้างของใบประมาณ 1.5-2 ซม. ยาวประมาณ 2-3 ซม. ออกเป็นใบเดี่ยว เรียงซ้อนสลับตรงข้ามกัน
ดอก:ออกเป็นช่อบริเวณซอกใบ ในแต่ละช่อจะมีดอกย่อยขนาดเล็กไม่มากนัก ลักษณะดอกจะคล้ายกับรูปคนโท มีกลีบดอกสีขาวจำนวน 5 กลีบ โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ส่วนปลายแยกออกจากกัน ให้ดอกได้ตลอดทั้งปี มักไม่ค่อยมีการติดผล

การปลูก และการดูแลรักษา: การขยายพันธุ์ทำได้ด้วยการปักชำกิ่ง นำไปปักชำในกาบมะพร้าวสับที่สะอาดโดยไม่ต้องใช้ดิน รดน้ำให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ รากจะงอกออกมาหลังจากปักชำไปได้ประมาณ 4 สัปดาห์ แล้วค่อยย้ายไปปลูกได้ การปลูกใช้วัสดุปลูกพวกกาบมะพร้าวสับ ดินร่วน และรากเฟินชายผ้าสีดา เพื่อให้สามารถเก็บความชื้นและระบายน้ำได้ดี ใช้กระถางปลูกตามขนาดที่ต้องการ และลวดเหล็กสำหรับแขวนกระถาง หลังจากใส่วัสดุปลูกในกระถางแล้วก็รดน้ำให้พอชุ่ม นำกิ่งพันธุ์ลงไปปลูก
หัวใจล้านดวง เป็นพืชที่ชอบแสงแดดแบบรำไร ต้องน้ำและความชื้นสูง เป็นต้นไม้ที่โตช้าจึงไม่ต้องตัดแต่งกิ่งกันบ่อยๆ มีความทนทานและเหมาะกับสภาพอากาศของเมืองไทย

การใช้งานและอื่นๆ:นิยมปลูกเป็นไม้ประดับในกระถางแขวนเพื่อความสวยงาม หรือดัดเป็นรูปร่างต่างๆ ตามความต้องการ

การนำไปใช้จัดสวน: ไม้เลื้อยขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ

ราคากลาง ต้นเดฟหัวใจล้านดวง

ลูกมะพร้าว 3 นิ้ว ความยาวไม่ต่ำกว่า 25 ซม. ราคา  20  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

เดฟด่าง

เดฟด่าง

เดฟด่าง

ชื่อต้นไม้: เดฟใบด่าง
ชื่อวิทยาศาสตร์: Dischidia ‘White Diamond’
ชื่อเรียกอื่น: –

ลักษณะโดยทั่วไป : เดป เป็นพืช ไม้เลื้อยขนาดเล็กมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ ได้มีการนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว นิยมปลูกเป็นไม้แขวน ไม้ดัด เพื่อความสวยงาม
ต้นเดปนั้นเลื้อยได้ไกลถึง 1-2 เมตร ลำต้นบอบบาง ใบรูปถึงรูปไข่แกมรูปทรงกลม กว้าง 1.2 เซนติเมตร ยาว 2 – 2.5 เซนติเมตรปลายใบเป็นโค้งมน โคนใบสอบ แผ่นใบหนา แผ่นใบที่หนานั้น อาจหนาได้ถึง 3 มิลลิเมตร ด้านบนสีเขียวเข้ม มีเส้นใบออกจากโคนใบสีขาว ใต้ใบสีเขียวอ่อน เส้นใบเห็นชัดเฉพาะเส้นกลางใบ  ก้านใบยาว 5-6 ช่อดอกเป็นช่อกระจุกออกที่ซอกใบ มี 3 – 8 ดอก ดอกสีขาว กลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วยปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขนาด 3 – 4 มิลลิเมตร ออกดอกในฤดูหนาว
โคนกลีบเชื่อมติดต่อกัน  ปลายแยกเป็น 5 แฉก ด้านในสีแดงคล้ำ ไม่ติดผล 

การปลูก และการดูแลรักษา: เหมาะปลูกเป็นไม้กระถางแขวนหรือเลื้อยเกาะตามกิ่งก้านของไม้ใหญ่ เติบโตได้ดีในที่มีแสงแดดรำไร ความชื้นสัมพัทธ์สูง  นิยมใช้กาบมะพร้าวสับหรือรากเฟินชายผ้าสีดาเป็นวัสดุปลูก เพราะเก็บความชื้นและระบายน้ำดี  ขยายพันธุ์โดยการปักชำกิ่ง อัตราการเจริญเติบโตเร็ว

การนำไปใช้จัดสวน: ไม้เลื้อย ขนาดกลาง  ไม่ผลัดใบ

ราคากลาง ต้นเดฟใบด่าง

ลูกมะพร้าว 3 นิ้ว ความยาวไม่ต่ำกว่า 25 ซม. ราคา  25  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

เดฟเขียว

ต้นเดปเขียว

ต้นเดปเขียว

ชื่อต้นไม้: เดฟเขียว
ชื่อวิทยาศาตร์ : Dischidia nummularia Variegata
ชื่อเรียกอื่น: –

ลักษณะโดยทั่วไป : เดป เป็นพืชอิงอาศัยขนาดเล็ก ลำต้นเลื้อยพัน มีรากตามข้อใช้ยึดเกาะทุกส่วนของลำต้น มีน้ำยางสีขาวมีถิ่นกำเนิดใน เขตร้อนของจีน อินเดีย และ อินโดจีน
ใบ : มี ใบรูปไข่แกมรี หนาอวบน้ำ ปลายแหลม โคนมน ผิวเป็นมัน ก้านใบสั้น ใบมีขนาดเล็ก
ดอก : ออกดอกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง มีดอกย่อย 5-10 ดอก มีขนาดเล็ก
ผล : เป็นฝักคู่ มีเมล็ดด้านใน

การปลูก และการดูแลรักษา: สถานที่ควรเป็นสถานที่ชื้น และอากาศถ่ายเท มีแสงแดดรำไร ไม่ควรปลูกในที่มีลมแรง ไม่มีแสง หรือมีแสงจ้าจนเกินไป สามารถปลูกใส่กระถางหรือกระเช้าแขวนโดยเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาเป็นหลัก อาจจะใช้กาบมะพร้าวสับร่วมกับใบไม้ผุ หรืออาจใช้โฟมหักเป็นชิ้นเล็กๆใส่ลงไปด้วยก็จะทำให้น้ำหนักเบามากยิ่งขึ้นควรปลูกใส่ภาชนะที่มีรูพรุน ไม่ควรใช้ดินอุ้มน้ำ ขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ด หรือ ปักชำ

การใช้งานและอื่นๆ :ใช้แขวนประดับตกแต่งบ้าน อาคารสำนักงาน หรือมุมพักผ่อนส่วนตัว บางครั้งมุมสงบส่วนตัวที่มีการจัดวางต้นไม้ไว้อยู่แล้ว หากนำไม้แขวนไปเติมเต็มในส่วนที่ว่างด้านบน อาจจะให้ผลทางด้านความต่อเนื่องและเพิ่มความร่มรื่นได้มากยิ่งขึ้นหรืออาจจะใช้ไม้แขวนในการแบ่งพื้นที่ใช้สอย (partition) เช่นใช้บังสายตาจากระหว่างโต๊ะทำงานข้างๆ หรือเพิ่มความเป็นส่วนตัวในมุมส่วนตัวเป็นต้นสถานที่แขวน

การนำไปใช้จัดสวน: ไม้เลื้อยขนาดกลาง ไม่ผลัดใบ

ราคากลาง ต้นเดฟเขียว

ลูกมะพร้าว 3 นิ้ว ความยาวไม่น้อยกว่า 25 ซม.  ราคา  20  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

ซุ้มกระต่ายเขียว

ต้นซุ้มกระต่ายเขียว

ต้นซุ้มกระต่ายเขียว

ชื่อต้นไม้: ซุ้มกระต่ายเขียว
ชื่อเรียกอื่น: ว่านทุ่งเศรษฐี/เศรษฐีเรือนแก้ว/Mondo Grass/White Lily Turf
ชื่อวิทยาศาสตร์: Ophiopogon jaburan (Kunth) Lodd.

ลักษณะทั่วไป: เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่เขตร้อนทั่วไป ต้นขึ้น เป็นกอ ซุ้มกระต่ายที่เราใช้ปลูกเป็นไม้ประดับสวนหรือไม้กระถาง
ลำต้น: เหง้าใต้ดิน ก้านใบแผ่ออกเป็นกาบโอบหุ้มลำต้น
ใบ: ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปแถบ กว้าง 0.5 – 1 เซนติเมตร ยาว 15 – 35 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียว เส้นใบเป็นร่องเล็กน้อย ผิวใบด้านล่างมีเส้นกลางใบและเส้นใบนูน
ดอก: เป็นช่อกระจะ ออกจากซอกใบ ช่อดอกชูตั้งขึ้น ส่วนปลายโค้งลงเล็กน้อย แต่ละช่อมี 6 – 20 ดอก ดอกสีขาว
ผล: สดแบบมีเนื้อ รูปขอบขนาน สีฟ้าอมม่วง มีเมล็ดจำนวนมาก
อัตราการเจริญเติบโต: ช้า

การปลูกและดูแลรักษา: ดินร่วนปนทราย แสงแดดครึ่งวันเช้าถึงร่มรำไร น้ำปานกลาง ขยายพันธุ์แบบแยกกอ

การใช้งานและอื่นๆ: นิยมปลูกเป็นไม้คลุมดิน  ถ้าปลูกในที่ร่มเกินไปใบจะยืดยาว ทรงพุ่มไม่สวย หากปลูกไว้ในบ้านเรือน ร้านค้าจะเป็นสิริมงคล มีเมตตามหานิยม ช่วยให้ค้าขายดีมีโชคลาภ  ชาวจีนเชื่อว่าถ้าปลูกแล้วงอกงามดีจะเจริญรุ่งเรือง หากออกดอกจะได้โชคลาภ ชาวจีนเรียกว่า ชุนเช่า หรือ เฉาเท้า นิยมใช้ในงานแต่งงาน เพราะต้องการให้คู่บ่าวสาวรักกันยืนยาวและมีความอดทน

การนำไปใช้จัดสวน: ไม้คลุมดิน ไม้ล้มลุก พุ่มเตี้ย

ราคากลาง ต้นซุ้มกระต่ายเขียว

ถุง 3 นิ้ว  ราคา  12  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

เศรษฐีเรือนนอก

ต้นเศรษฐีเรือนนอก

ต้นเศรษฐีเรือนนอก

ชื่อต้นไม้ : เศรษฐีเรือนนอก

ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Chlorophytum bichetii (Karrer) Backer

ชื่อเรียกอื่น : –

ลักษณะทั่วไป :  เศรษฐีเรือนนอกเป็นไม้กอขนาดเล็ก มีหัวอยู่ใต้ดิน ไม่มีลำต้น ใบแตกกระจายออกเป็นพุ่มอยู่เหนือดิน ใบแกมขนานคล้ายใบตะไคร้ แต่สั้นกว่ามาก มีใบด่างขาว หรือขาวนวลที่ริมใบ ลักษณะอื่น ๆ จะเหมือนเศรษฐีเรือนกลางคือ เมื่อใบยาวเต็มที่จะโค้งงอลงดิน เมื่อโตเต็มที่จะมีไหลเหนือดินแตกเป็นต้นใหม่ได้เช่นเดียวกัน

ลำต้น : เป็นพุ่มมีเหง้าสั้น ๆ และมีรากสะสมอาหารเป็นตุ้มสีขาว

ใบ : ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ รูปขอบขนาน กว้าง 0.8 – 1.6 เซนติเมตร ยาว 10 – 20 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแผ่เป็นกาบ ขอบใบเรียบ ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน มีแถบด่างสีขาวครีมบริเวณขอบใบ

ดอก : ออกเป็นช่อกระจะ ดอกย่อยขนาดเล็กสีขาว

ผล : ไม่ติดผล

การปลูกและดูแลรักษา  : เศรษฐีเรือนนอกชอบดินร่วนหรือดินปนทราย ซึ่งระบายน้ำได้ดี ให้แดดรำไร หรือปลูกที่ร่มให้ถูกแสงแดดบ้างในบางเวลารดน้ำปานกลาง ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อหรือใช้ต้นอ่อนที่เกิดจากไหลไปปลูกใหม่

การนำไปใช้จัดสวน : ปลูกในกระถาง หรือปลูกเป็นกลุ่มในแปลงเพื่อคลุมดิน ถ้าอากาศแห้ง ปลายใบจะไหม้ ควรรดน้ำเป็นละอองฝอยบ่อย ๆ

ราคากลาง ต้นเศรษฐีเรือนนอก

ถุง 3 นิ้ว  ราคา  10  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

เล็บครุฑ

ต้นเล็บครุฑ

ต้นเล็บครุฑ

ชื่อต้นไม้ : เล็บครุฑ

ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Polyscias spp.

ชื่อเรียกอื่น : เล็บครุฑกระจก

ลักษณะทั่วไป :  เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นมีความสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีผิวเปลือกสีเขียวหรือสีน้ำตาล ลำต้นเป็นข้อเล็ก ๆ ผิวเปลือกเรียบหรือมีจุดเล็ก ๆ ประอยู่ทั่วต้น ใบเป็นใบประกอบมีใบย่อยติดอยู่ที่ก้านใบประมาณ 5-7 ใบ ขอบใบเป็นหยัก ใบมีสีเขียวเมื่อขยี้ใบดูจะมีกลิ่นฉุน ลักษณะของใบและขนาดขึ้นอยู่กับชนิดและพันธุ์ สามารถใช้ใบนำไปปรุงอาหารได้แต่ยังไม่ค่อยแพร่หลายนัก อีกทั้งยังสามารถนำมาตำเพื่อพอกบริเวณที่ปวดเพราะมีสรรพคุณสามารถแก้ปวด บวมอักเสบ ใช้สมานเเผล แก้ไข้ เเละแก้ปวดตามข้อได้

การปลูกและดูแลรักษา  : เล็บครุฑใช้ปลูกเป็นไม้กระถางประดับภายในอาคารหรืออาจปลูกลงดินตามมุมบ้านเพื่อประดับสวนในที่ร่มรำไรเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีการระบายน้ำได้ดี และเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง การปักชำ ซึ่งวิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การปักชำ

การนำไปใช้จัดสวน : เป็นได้ทั้งไม้ประดับทั้งภายในและนอกอาคาร โดยแต่งให้เป็นต้นไม้ได้แต่ต้องไม่ให้ถูกแสงแดดจัด

ราคากลาง ต้นเล็บครุฑ

ถุง 3 นิ้ว  ราคา  7  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

ลิ้นมังกร

ลิ้นมังกร

ลิ้นมังกร

ชื่อต้นไม้ : ลิ้นมังกร

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Sansevieria spp.

ชื่อเรียกอื่น : ว่านหางเสือ, ว่านงาช้าง (หอกสุระกาฬ), ครีบปลาวาฬ, ลิ้นนาคราช

ลักษณะทั่วไป :    มีถิ่นกำเนิดจากแถบทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ

ต้น : เป็นหัวหรือเหง้าอยู่ในดิน ใบเกิดจากหัวโผล่ออกมาพ้นดินประกอบกันเป็นกอ

ใบ : เป็นแท่งกลมยาวหรือใบแบนกว้าง ปลายแหลม แข็ง หนาเป็นมัน ขอบใบเรียบ โค้งงอเล็กน้อยหรือเป็นเกลียว ใบมีความกว้างประมาณ  4-7 เซนติเมตร และสูงประมาณ  30-60 เซนติเมตร อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าตามแต่สายพันธุ์นั้น ๆ สีสันของใบลิ้นมังกรจะมีสีเขียวซีดจนถึงสีเขียวเข้ม บางสายพันธุ์ใบมีสีเขียวเข้มขอบใบมีสีเหลืองทอง หรือใบมีสีเหลืองและมีสีขาวเป็นเส้นตามแนวใบ สีขาวประ สีเขียวอมเหลือง เขียวอมด่าง สีฟ้า และลักษณะลวดลายบนใบที่มีความแตกต่างและสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ ละสายพันธุ์

ดอก : ลิ้นมังกรมักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ดอกมีสีขาวหรือสีเขียวอ่อนและมีกลิ่นหอม ดอกมี 5 กลีบขนาดเล็กประมาณ  1.5 เซนติเมตร เรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก สามารถจำแนกการออกดอกได้เป็น  3 ลักษณะ คือ

– spike-like raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก ขนานกับใบ

– panicle raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามการแตกกิ่งที่แผ่ออกของก้านดอก

– capitate raceme ลักษณะการออกดอกยื่นสูงเป็นพุ่มเดี่ยวที่ปลายก้านดอก

การปลูกและดูแลรักษา  :

การปลูก มี 2 วิธี

  1. การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน นิยมปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวนแต่คนโบราณนิยมปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน ขนาดหลุมปลูก30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก: ดินร่วน: อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก
  2. การปลูกในกระถางเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด10-15 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก: ดินร่วน อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถางทุก 1-2 ปี เพราะเนื่องจากการขยายตัวของรากและหน่อแน่นเกินไป และเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป

 

 การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้ประดับ

ราคากลาง ต้นลิ้นมังกร

กระถาง 8 นิ้ว  ราคา  25  บาท

กระถาง 6 นิ้ว  ราคา  35  บาท  (แคระ)

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

ลิ้นกระบือ

ลิ้นกระบือ

ลิ้นกระบือ

ชื่อต้นไม้ : ลิ้นกระบือ

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Excoecaria cochinchinensis Lour.

ชื่อเรียกอื่น : กะเบือ กำลังกระบือ

ลักษณะทั่วไป :  มีถิ่นกำเนิดจากแถบอินโดจีนต้นลิ้นกระบือ หรือต้นท้องใบแดงนั้นเป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณไม่เกิน 1.5 เมตร ใบลิ้นกระบือเป็นประเภทใบเลี้ยงเดี่ยว มีกิ่งก้านสาขามาก ทรงพุ่มแน่นสวยงาม ลักษณะของรูปใบคือ รูปใบหอก ปลายใบมนแหลม โคนใบเรียวแหลม ผิวใบด้านบนสีเขียว ส่วนด้านใต้ใบมีสีแดง ออกดอกเป็นช่อเล็กๆที่ปลายกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็กและแยกเพศ ดอกเป็นเพศผู้และเพศเมียอยู่ต่างช่อกัน ช่อดอกตัวผู้มีดอกย่อยจำนวนมาก ช่อดอกตัวเมียมีเพียง 2 – 3 ดอก ผลแห้งแตก ค่อนข้างกลม มีขนาดเล็ก มี 3 พู ใบไม้คล้าย ๆ กับใบชา ใต้ใบหรือท้องใบเป็นสีแดง ด้านบนสีเขียว

การปลูกและดูแลรักษา  : สามารถขึ้นได้ดีในดินทั่วไป ปลูกได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง วิธีขยายพันธุ์ต้นลิ้นกระบือมี 2 วิธีคือ การปักชำกิ่ง และการเพาะเมล็ด ที่นิยมมากที่สุดคือการปักชำ เพราะปักยังไงก็เป็น ง่าย สะดวก เพราะต้นลิ้นกระบือโตเร็วและมีกิ่งก้านเยอะ นิยมเพาะชำในขี้เถ้าแกลบ เป็นไม้ที่ปลูกง่ายไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย เน้นการบำรุงดินเป็นหลัก

การนำไปใช้จัดสวน : เป็นพุ่มหรือเป็นกอแน่น เหมาะกับการปลูกพื้นที่กว้าง ๆ

ราคากลาง ต้นลิ้นกระบือ

ถุง 3 นิ้ว  ราคา  6  บาท

กระถาง 6 นิ้ว  ราคา  16  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)

รางทอง (ว่านสี่ทิศด่าง)

รางทอง-ว่านสี่ทิศด่าง

รางทอง-ว่านสี่ทิศด่าง

ชื่อต้นไม้ : รางทอง (ว่านสี่ทิศด่าง)

ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Hymenocallis  littoralis  (Jacq.) Salisb. cv. Variegata

ชื่อเรียกอื่น : รางทอง, ว่านสี่ทิศด่าง, ว่านรางทอง (ใบด่าง)

ลักษณะทั่วไป :  รางทองเป็นไม้ล้มลุกที่มีอายุหลายปี

ลำต้น : มีลำต้นใต้ดินคล้ายหัวหอม รูปทรงกลม

ใบ : ใบเดี่ยว เรียงสลับเป็นสองแถว รูปแถบ สีเขียว ขอบใบมีแถบสีขาวถึงเหลืองนวล

ดอก : ช่อดอกออกจากซอกใบเป็นช่อซี่ร่ม ก้านช่อดอกยาวประมาณ 40 เซนติเมตร มีจำนวน 7-15 ดอกต่อช่อ กลีบรวมมีทั้งหมดจำนวน 6 กลีบ สีขาว เกสรเป็นเพศผู้มีจำนวน 6 อัน โคนก้านเกสรเพศผู้เชื่อมติดกันเป็นมงกุฎเยื่อบางสีขาว ก้านดอกมีลักษณะที่ยาวและแข็งแรง ข้างในกลวง ดอกสีขาวเล็ก ๆ ดูสะอาดตา รูปร่างรางทองเหมือนดอกพลับพลึงหรือตีนเป็ด ช่วงเวลาค่ำ ๆ ดอกจะส่งผลโดยมีกลิ่นหอมเย็น ซึ่งกลิ่นจะคล้าย ๆ กับดอกพลับพลึง

การปลูกและดูแลรักษา  : รางทองนิยมปลูกและขยายพันธุ์โดยการแยกหัว

อัตราการเจริญเติบโต : ช้า

ดิน : ชอบดินร่วนและระบายน้ำดี

แสงแดด : แสงแดดครึ่งวันถึงรำไร

น้ำ : ปานกลาง

การนำไปใช้จัดสวน : รางทองเป็นไม้ล้มลุกเหมาะสำหรับการปลูกเป็นไม้ประดับแปลงหรือเป็นไม้กระถางคลุมดิน

ราคากลาง ต้นรางทอง (ว่านสี่ทิศด่าง)

ถุง 3 นิ้ว  ราคา  15  บาท

กระถาง 6 นิ้ว  ราคา  25  บาท

(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)