Category Archives for "ไม้ประดับภายนอกอาคาร"
รายการไม้ประดับภายนอกอาคาร เป็นกลุ่มพืชที่ต้องการแสงมากตลอดทั้งวัน ส่วนมากปลูกประดับอยู่ภายนอกอาคารหรือตามสนามต่างๆ รวบรวมข้อมูลไว้นานาชนิดในหมวดนี้ ซื้อ-ขาย ไม้ประดับ ติดต่อร้านขายต้นไม้ได้โดยตรง
รายการไม้ประดับภายนอกอาคาร เป็นกลุ่มพืชที่ต้องการแสงมากตลอดทั้งวัน ส่วนมากปลูกประดับอยู่ภายนอกอาคารหรือตามสนามต่างๆ รวบรวมข้อมูลไว้นานาชนิดในหมวดนี้ ซื้อ-ขาย ไม้ประดับ ติดต่อร้านขายต้นไม้ได้โดยตรง
ชื่อต้นไม้ : ลิ้นมังกร
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sansevieria spp.
ชื่อเรียกอื่น : ว่านหางเสือ, ว่านงาช้าง (หอกสุระกาฬ), ครีบปลาวาฬ, ลิ้นนาคราช
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดจากแถบทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ
ต้น : เป็นหัวหรือเหง้าอยู่ในดิน ใบเกิดจากหัวโผล่ออกมาพ้นดินประกอบกันเป็นกอ
ใบ : เป็นแท่งกลมยาวหรือใบแบนกว้าง ปลายแหลม แข็ง หนาเป็นมัน ขอบใบเรียบ โค้งงอเล็กน้อยหรือเป็นเกลียว ใบมีความกว้างประมาณ 4-7 เซนติเมตร และสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร อาจมากกว่าหรือน้อยกว่าตามแต่สายพันธุ์นั้น ๆ สีสันของใบลิ้นมังกรจะมีสีเขียวซีดจนถึงสีเขียวเข้ม บางสายพันธุ์ใบมีสีเขียวเข้มขอบใบมีสีเหลืองทอง หรือใบมีสีเหลืองและมีสีขาวเป็นเส้นตามแนวใบ สีขาวประ สีเขียวอมเหลือง เขียวอมด่าง สีฟ้า และลักษณะลวดลายบนใบที่มีความแตกต่างและสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ ละสายพันธุ์
ดอก : ลิ้นมังกรมักจะออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ดอกมีสีขาวหรือสีเขียวอ่อนและมีกลิ่นหอม ดอกมี 5 กลีบขนาดเล็กประมาณ 1.5 เซนติเมตร เรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก สามารถจำแนกการออกดอกได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
– spike-like raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก ขนานกับใบ
– panicle raceme ลักษณะการออกดอกเรียงเป็นแนวตามการแตกกิ่งที่แผ่ออกของก้านดอก
– capitate raceme ลักษณะการออกดอกยื่นสูงเป็นพุ่มเดี่ยวที่ปลายก้านดอก
การปลูกและดูแลรักษา :
การปลูก มี 2 วิธี
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้ประดับ
ราคากลาง ต้นลิ้นมังกร
กระถาง 8 นิ้ว ราคา 25 บาท
กระถาง 6 นิ้ว ราคา 35 บาท (แคระ)
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ยี่โถ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nerium oleander L.
ชื่อเรียกอื่น : ยี่โถฝรั่ง
ลักษณะทั่วไป : ยี่โถมีถิ่นกำเนิดในประเทศเมดิเตอร์เรเนียน เคบเวอดี ญี่ปุ่น
ต้น : ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านจำนวนมากที่โคนต้น ทุกส่วนของต้นมียางใส กิ่งอ่อนสีเขียว เปลือกสีน้ำตาลเข้ม
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับรอบกิ่ง ใบรูปแถบหรือรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 3-4 เซนติเมตร ยาว 15-17 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน เส้นกลางใบเด่นชัดทั้งสองด้าน
ดอก : สีชมพู ขาว แดง เหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกเชิงประกอบที่ปลายกิ่ง ช่อละ 20-50 ดอก มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน พันธุ์ดอกลามีหลายสี เช่น สีชมพู ขาว แดง เหลือง ส่วนพันธุ์ดอกซ้อนสีชมพูเข้ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกมีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์ดอกลา ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง 8-12 เซนติเมตร
ฝัก/ผล : เป็นฝักคู่ เมื่อแก่จะแตกเห็นเมล็ดภายในผล
เมล็ด : แบน รูปรี มีขนละเอียดคลุม
การปลูกและดูแลรักษา : ยี่โถนิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่งและปักชำกิ่ง
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้พุ่มขนาดกลางและไม้ประดับเหมาะสำหรับปลูกประดับสวนเป็นกลุ่มหรือเป็นแถว
ราคากลาง ต้นยี่โถ (กอ)
ความสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ราคา 75 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ปาล์มฟอกเทล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wodyetia bifurcate A.K. Irvine
ชื่อเรียกอื่น : ฟ็อกเทล (Foxtail palm), ปาล์มหางหมาป่า, ปาล์มหางกระรอก
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดจากตอนเหนือของออสเตรเลีย ควีนส์แลนด์ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ลำต้นป่องเล็กน้อย สูงได้ถึง 15 เมตร ลักษณะของใบเป็นใบแบบขนนก (Feather palm Leaf) ซึ่งมีลักษณะใบพวงกลมคล้ายกับหางกระรอกหรือหางหมาป่านั่นเอง ขนาดของใบกว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 45-75 เซนติเมตร ฟ็อกเทลเป็นปาล์มที่มีลักษณะ “สมบูรณ์เพศ” คือ สามารถติดช่อและออกดอกได้โดยตัวของตัวเอง ดังนั้นปัจจุบันฟ๊อกเทลจึงราคาตกลงมากเพราะขยายพันธุ์ได้ง่าย เลี้ยงง่าย และโตง่าย เนื่องจากลักษณะใบของฟ็อกเทลเป็นใบแบบขนนก (Feather palm leaf) ซึ่งใบจะมีลักษณะเป็นเส้น ไม่ดูหนาและหนักเท่ากับปาล์มที่มีลักษณะเป็นใบพัด (Fan palm leaf) ดังนั้น ถ้าหากเราปลูกในสถานที่ที่ค่อนข้างกว้าง ลักษณะใบจะดูไม่เด่น ไม่ชัดเจน เทคนิควิธีการโชว์ใบของปาล์มแบบขนนกนั้น
การปลูกและดูแลรักษา : สามารถทำได้ด้วยการเพาะเมล็ด และในช่อหนึ่งนั้นจะมีเมล็ดที่ติดเป็นจำนวนมาก เป็นต้นไม้ที่ชอบแดดจัด
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นปาล์มต้นเดี่ยวผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ปลูกเป็นกลุ่ม 2 ต้น หรือ 3 ต้น จะช่วยทำให้ใบดูมีความชัดเจนและสง่าขึ้น
ราคากลาง ต้นปาล์มฟอกเทล
ความสูงจากโคนถึงคอใบไม่น้อยกว่า 2 เมตร ราคา 800 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ประยงค์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aglaia odorata Lour.
ชื่อเรียกอื่น : ประยงค์บ้าน, ประยงค์ใบใหญ่, ขะยง, ขะยม, พะยงค์ ยม, หอมไกล
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย พม่า ลาว อินโดนีเชีย เป็นต้น รวมถึงประเทศจีนตอนใต้และอินเดีย ซึ่งมักพบตามป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ บ้านเรือน ริมแม่น้ำ ลำคลองต่าง ๆ จัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกตามบ้านเรือน และสถานที่สาธารณะต่างๆ เนื่องจากลำต้นค่อนข้างเตี้ย แตกกิ่งมากและใบดก ทำให้เป็นทรงพุ่มหนา นอกจากนั้นดอกประยงค์ยังมีสีเหลืองสวยงามและส่งกลิ่นหอมแรงเมื่อดอกบาน มีทรงพุ่มค่อนข้างเป็นวงกลม ลำต้นสูงประมาณ 3-6 เมตร และอาจพบสูงได้มากกว่านี้ ลำต้นมีกิ่งแตกออกที่ระดับต่ำประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นส่วนของแกนลำต้น ส่วนที่เหลือเป็นกิ่งหลัก ผิวลำต้นไม่ค่อยเรียบมักเป็นลูกคลื่น เปลือกลำต้นมีสีเทา ส่วนเนื้อไม้ของต้น และกิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะหักง่ายไม่นิยมใช้สำหรับการก่อสร้างหรือการแปรูปต่าง ๆ แต่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้
การปลูกและดูแลรักษา : ประยงค์สามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ด การตอน และการปักชำกิ่ง แต่ที่นิยมคือ การตอนและการปักชำกิ่ง เพราะช่วยให้ได้ต้นพันธุ์ไม่สูงต้นออกดอกได้หลังปลูก
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นแตกกิ่งมาก และมีใบดกทำให้เป็นทรงพุ่มหนาทึบ ทรงพุ่มค่อนข้างเป็นวงกลม
ราคากลาง ต้นประยงค์
กระถาง 16 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 80 ซม. ราคา 450 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ประทัดไต้หวัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hamelia patens Jacq.
ชื่อเรียกอื่น : พวงประทัด/ประทัดฟิลิปปินส์/ประทัดทอง/ประทัดเล็ก/Coloradillo/Fire Bush/Scarlet Bush
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกลม กิ่งก้านมีสีน้ำตาลแดงเรื่อ
ใบ : มีลักษณะเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือรอบข้อประมาณ 3 ใบ ใบรูปรีถึงรูปไข่ กว้าง 5-7 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบด้านบนสีเขียวอม เหลือง เป็นมัน
ดอก : มีลักษณะเป็นดอกสีส้มแดง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน เป็นหลอดแคบเล็ก ปลายแยก 4 แฉก หยักเป็นแฉกเล็ก ๆ
ผล : มีลักษณะเป็นผลสดแบบมีเนื้อ รูปไข่ กว้างประมาณ 6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร เมื่อแก่มีสีดำ มีเมล็ดจำนวนมาก
การปลูกและดูแลรักษา : ขึ้นได้ในดินทั่วไป ระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดจัดและไม่ทนน้ำท่วมขังมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วและชอบความชื้นในระดับปานกลาง สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำและตอนกิ่ง
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้พุ่มสามารถตัดแต่งทรงพุ่มได้ดี จึงนิยมปลูกเป็นแนวรั้ว เกาะกลางถนน ริมทางเดิน บังกำแพง ริมสระว่ายน้ำ และริมทะเล
ราคากลาง ต้นประทัดไต้หวัน
ถุง 3 นิ้ว ราคา 9 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ไทรทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus altissima Blume
ชื่อเรียกอื่น : ไทรย้อยใบแหลมด่าง
ลักษณะทั่วไป : ไทรทองเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 2.5-3 เมตร มีพูพอน เปลือกต้นสีน้ำตาลอมเทาแตกกิ่งกระจายรอบต้น พุ่มทรงกลม ค่อนข้างหนาทึบ มีน้ำยางสีขาว รากอากาศเหนียว ใบ เดี่ยว รูปไข่ กว้าง 10 ซม. ยาว 18 ซม. สีเขียวเข้ม มีหูใบหุ้มยอด ใบอ่อนสีเขียวสดเป็นมัน หูใบหุ้มยอดอ่อนไว้ ดอกช่อ ไม่มีก้านดอก โคนช่อดอกมีใบประดับขนาดเล็ก 3 ใบรองรับช่อดอก ผล สุกแล้วอ่อนนุ่ม สีเหลือง แต่ละผลมีเนื้อบางๆ และมีเมล็ด 1 เมล็ด
การปลูกและดูแลรักษา :
การปลูกมี 2 วิธี
ความต้องการของต้นไม้
แสง ต้องการแสงแดดอ่อน จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง จนถึงมาก ควรให้น้ำ 3-5 วัน/ครั้ง
ดิน ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย ความชื้นปานกลาง
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5: 2 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 4-5 ครั้ง
โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะมีความทนทานต่อโรคได้ดี
ศัตรู เพลี้ยแป้ง (Mealy bugs)
อาการ กัดแทะใบ ทำให้ใบเป็นรู เป็นรอย ต่อมาใบจะเหลืองและแห้ง
การป้องกัน การรักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก การกำจัดพาหนะแพร่ระบาด พวกมดต่างๆ
การกำจัด ใช้ยาไดอาซินอน อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับเป็นไม้ประดับให้ร่มเงาได้ดี
ราคากลาง ต้นไทรทอง
ถุง 3 นิ้ว ราคา 6 บาท
กระถาง 6 นิ้ว ราคา 15 บาท
กระถาง 16 นิ้ว ทรงพุ่มไม่ต่ำกว่า 50 ซม. ราคา 150 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ไทรด่าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus benjamina L. var. variegata
ชื่อเรียกอื่น : ไทรย้อยใบแหลมด่าง
ลักษณะทั่วไป : ไทรด่างเป็นพืชบกกลางแจ้ง ความสูงของต้นอยู่ประมาณ 1 เมตรทรงพุ่ม กว้าง 0.45 เมตร ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองได้ ผิวลำต้นหยาบเรียบ เห็นข้อปล้องไม่ชัดเจน ต้นอ่อนสีเขียว ต้นแก่สีน้ำตาลเข้ม ไม่มีน้ำยาง ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบอ่อนสีเขียวอ่อน ใบแก่สีเขียวเข้ม การเรียงตัวของใบบนกิ่ง เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ขนาดแผ่นใบกว้าง 4-6 ซม. ยาว8-10 ซม. แผ่นใบรูปหอก ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบใบเป็นรูปไข่ มีสีเขียวแกมเหลืองหรือเหลืองออกขาวนิยมปลูกเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ ลำต้นมีสีเทา เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ทรงพุ่มหนาทึบ ใบรูปไข่ปลายใบแหลม ฐานใบเรียวสอบเข้าหาก้านใบ ก้านใบค่อนข้างสั้น พื้นใบมีมีสีเขียวอมเทา ด่างขาวบริเวณขอบใบทั้งสองด้านรวมทั้งตามผิวบางส่วน
การปลูกและดูแลรักษา : ปลูกขึ้นได้ดีในดินร่วน ชอบแสงปานกลาง แสงมากชอบความชื้น สามารถขยายพันธุ์โดยการปักชำและการตอนกิ่ง
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ทรงพุ่มหนาทึบ เหมาะสำหรับเป็นไม้ประดับให้ร่มเงา
ราคากลาง ต้นไทรด่าง
กระถาง 16 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ราคา 625 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ไทรเกาหลี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus annulata
ชื่อเรียกอื่น : –
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้พุ่มทรงสูง และทรงของพุ่มจะค่อนข้างแน่น ตัวพุ่มประกอบไปด้วยใบสีเขียวสดที่เรียงตัวซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ เมื่อโตเต็มที่ไทรเกาหลีจะมีขนาดความสูงได้ประมาณ 5-6 เมตร ส่วนตัวใบของต้นไทรเกาหลีนั้นจะมีสีเขียวเข้มจัด รูปทรงค่อนข้างเรียว ใบมัน และมียางสีขาว ส่วนของลำต้นด้านบนจะเห็นไม่ชัดเนื่องจากใบที่หนาแน่นปกคลุมอยู่มาก โดยตัวลำต้นส่วนล่างที่มองเห็นได้จะมีสีเทาปนน้ำตาล ตามกิ่งจะมีรากย้อยลงมาซึ่งเป็นลักษณะแบบเดียวกับต้นไทรชนิดอื่นด้วยจุดเด่นของไทรชนิดนี้อยู่ที่การแตกกิ่งที่หนาแน่นและมีใบดกสีเขียวสดปกคลุม ทำให้แลดูชุ่มชื่นตลอดปี โดยทั่วไปไทรเกาหลีจึงถูกนิยมนำมาปลูกประดับเป็นแนวรั้ว ปลูกริมกำแพงร่วมกับพืชดอกชนิดอื่นหรืออาจนำมาใช้ทำเป็นกำแพงต้นไม้ไปเลยก็ได้
การปลูกและดูแลรักษา : ต้นไทรเกาหลีเป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดจึงควรนำมาปลูกกลางแจ้งไม่ควรนำไปปลูกไว้ในที่ร่มหรือห้องรับแขกเพราะจะทำให้ต้นแตกกิ่งก้านและผลิใบน้อยลงและไม่เติบโตเท่าที่ควร ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของต้นไทรเกาหลีคือแทบจะไม่มีการผลัดใบ ทำให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาเศษใบไม้ร่วง สำหรับการดูแลรักษานั้นและเพาะพันธุ์นั้นพบว่าไทรเกาหลีมีความต้องการน้ำในระดับปานกลางและสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเสียบยอดหรือเพาะเมล็ด
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้พุ่มทรงสูงและทรงของพุ่มจะค่อนข้างแน่นนิยมในการนำมาใช้เป็นกำแพงริมรั้ว
ราคากลาง ต้นไทรเกาหลี
ถุง 8 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ราคา 260 บาท
กระถาง 16 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ราคา 550 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : เทียนทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Duranta erecta L.
ชื่อเรียกอื่น : เทียนทอง, พวงม่วง, เทียนพญาอินทร์
ลักษณะทั่วไป : ลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นแตกกิ่งก้านจำนวนมาก ทรงพุ่มแน่นทึบ เปลือกสีน้ำตาลอ่อน สูงประมาณ 3 เมตร ใบและดอกเด่นสะดุดตา ตอบสนองต่อแสงดีมาก นิยมปลูกเป็นไม้สวนกลางแจ้งสามารถตัดแต่งเป็นรูปทรงที่ต้องการได้
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีถึงรูปไข่ กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5-2 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบหยัก แผ่นใบสีเขียวอ่อนอมเหลืองถึงสีเหลืองทอง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ ยอดกิ่ง ดอกมีลักษณะเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีม่วง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร
ผล : ผลสด รูปกลม ขนาด 0.5-0.8 เซนติเมตร สีเหลือง มีเมล็ด 1 เมล็ด
การปลูกและดูแลรักษา : ต้นเทียนทองเป็นไม้ที่ชอบแสงจึงควรปลูกในที่โล่ง ไม่มีร่มไม้ใหญ่ โดยนิยมปลูกจากต้นกล้าจากการเพาะชำอายุต้นกล้าประมาณ 2-3 เดือน ก่อนปลูกต้องเตรียมแปลงหรือบริเวณปลูกด้วยการพรวนดิน และกำจัดวัชพืชเสียก่อน ระยะปลูกประมาณ 20-40 ซม. ขึ้นกับขนาดและอายุต้นกล้า การดูแลรักษาต้นเทียนทองเป็นไม้ที่ชอบแสงและดินชื้นไม่มากจึงรดน้ำเพียง 2 วัน/ครั้งพอชุ่ม แต่หากในช่วงฤดูแล้งที่อากาศร้อนจัด ควรรดเป็นประจำทุกวันโดยเฉพาะต้นเทียนทองที่มีอายุน้อย ส่วนการใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยคอกเพียงอย่างเดียวหรือใช้เศษใบไม้ ขี้เถ้าแกลบโรยโคนต้นเท่านั้น ไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมีโดยเฉพาะปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพราะจะทำให้ใบมีสีเขียวสดมากใบมีสีเหลืองทองน้อยลง รวมถึงการได้รับแสงมากจะทำให้ใบเทียนทองมีสีเขียวมากขึ้น
การนำไปจัดสวน : ไม้พุ่มขนาดเล็ก
ราคากลาง ต้นเทียนทอง
ถุง 3 นิ้ว ราคา 6 บาท
กระถาง 16 นิ้ว ทรงพุ่มไม่ต่ำกว่า 50 ซม. ราคา 160 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : เทียนหยด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Verbenaceae
ชื่อเรียกอื่น : ฟองสมุทร, พวงม่วง, เทียนไข(กรุงเทพฯ), สาวบ่อลด(เชียงใหม่), เครือออน(แพร่), เอี่ยฉึ่ง(จีน)
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่บริเวณทวีปอเมริกาเขตร้อน เป็นพรรณไม้พุ่มเตี้ย สูง 1 – 2 เมตร แตกกิ่งก้านหนาแน่นยอดกิ่งลู่ลงใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามและจะออกหนาแน่นเป็นกระจุกรอบกิ่งก้านในช่วงปลายยอดใบเป็นรูปรีแกมรูปไข่ปลายใบแหลมโคนใบสอบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ใบเป็นสีเขียวสด เวลาใบดกจะเป็นพุ่มน่าชมมากดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบและปลายกิ่งแต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมากช่อดอกจะห้อยลงเป็นระย้า ลักษณะดอก โคนเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ดอกแต่ละกลีบเป็นอิสระกัน ปลายกลีบโค้งมน มีเว้าเล็กน้อยบริเวณกลางกลีบ โคนกลีบสอบแคบ เวลามีดอกดกๆและบานพร้อมๆกันทั้งต้น ช่อดอกจะห้อยปลายลงเป็นระย้าดูงดงามมากดอกจะออกทั้งปีมีพันธุ์สีม่วงและสีขาวผลทรงกลม ขนาดเล็กปลายแหลมอยู่รวมกันเป็นช่อห้อยลงมา
การปลูกและดูแลรักษา : ปลูกขึ้นได้ในดินทั่วไป ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ชอบแดดจัดเหมาะจะปลูกลงดินกลางแจ้ง หรือลงกระถาง ตั้งวางในที่มีแดดส่องถึงทั้งวัน นิยมปลูกเป็นไม้ขอบแปลงหรือแปลงใหญ่ ขยายพันธุ์โดย การเพาะเมล็ด ตอนหรืปักชำกิ่ง หลังการปลูก บำรุงด้วยปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก 10 วันครั้งรดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น ถ้าปลูกลงกระถางควรให้ปุ๋ยสูตร 16-16-16 อาทิตย์ละครั้ง สลับกับปุ๋ยมูลสัตว์ 10 วันครั้ง ตัดแต่งกิ่ง พรวนดินสม่ำเสมอจะทำให้ต้นเทียนหยด เจริญเติบโตเร็ว
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้พุ่ม รูปทรงไม่แน่นอน ลำต้นสูงได้ 1-3 เมตร กิ่งมีลักษณะลู่ลง ปลูกทำแนวเขตรั้วได้
ราคากลาง ต้นเทียนหยด
ถุง 3 นิ้ว ราคา 8 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)