Category Archives for "ไม้พุ่ม"
รายการไม้พุ่ม ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนไม่มีเนื้อไม้หรือมีเนื้อไม้เล็กน้อยบริเวณโคนต้น รวบรวมข้อมูลไว้นานาชนิดในหมวดนี้ ซื้อ-ขาย ไม้ประดับ ติดต่อร้านขายต้นไม้ได้โดยตรง
รายการไม้พุ่ม ลำต้นเป็นไม้เนื้ออ่อนไม่มีเนื้อไม้หรือมีเนื้อไม้เล็กน้อยบริเวณโคนต้น รวบรวมข้อมูลไว้นานาชนิดในหมวดนี้ ซื้อ-ขาย ไม้ประดับ ติดต่อร้านขายต้นไม้ได้โดยตรง
ชื่อต้นไม้ : ไทรเกาหลี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus annulata
ชื่อเรียกอื่น : –
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้พุ่มทรงสูง และทรงของพุ่มจะค่อนข้างแน่น ตัวพุ่มประกอบไปด้วยใบสีเขียวสดที่เรียงตัวซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ เมื่อโตเต็มที่ไทรเกาหลีจะมีขนาดความสูงได้ประมาณ 5-6 เมตร ส่วนตัวใบของต้นไทรเกาหลีนั้นจะมีสีเขียวเข้มจัด รูปทรงค่อนข้างเรียว ใบมัน และมียางสีขาว ส่วนของลำต้นด้านบนจะเห็นไม่ชัดเนื่องจากใบที่หนาแน่นปกคลุมอยู่มาก โดยตัวลำต้นส่วนล่างที่มองเห็นได้จะมีสีเทาปนน้ำตาล ตามกิ่งจะมีรากย้อยลงมาซึ่งเป็นลักษณะแบบเดียวกับต้นไทรชนิดอื่นด้วยจุดเด่นของไทรชนิดนี้อยู่ที่การแตกกิ่งที่หนาแน่นและมีใบดกสีเขียวสดปกคลุม ทำให้แลดูชุ่มชื่นตลอดปี โดยทั่วไปไทรเกาหลีจึงถูกนิยมนำมาปลูกประดับเป็นแนวรั้ว ปลูกริมกำแพงร่วมกับพืชดอกชนิดอื่นหรืออาจนำมาใช้ทำเป็นกำแพงต้นไม้ไปเลยก็ได้
การปลูกและดูแลรักษา : ต้นไทรเกาหลีเป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดจึงควรนำมาปลูกกลางแจ้งไม่ควรนำไปปลูกไว้ในที่ร่มหรือห้องรับแขกเพราะจะทำให้ต้นแตกกิ่งก้านและผลิใบน้อยลงและไม่เติบโตเท่าที่ควร ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของต้นไทรเกาหลีคือแทบจะไม่มีการผลัดใบ ทำให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาเศษใบไม้ร่วง สำหรับการดูแลรักษานั้นและเพาะพันธุ์นั้นพบว่าไทรเกาหลีมีความต้องการน้ำในระดับปานกลางและสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเสียบยอดหรือเพาะเมล็ด
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้พุ่มทรงสูงและทรงของพุ่มจะค่อนข้างแน่นนิยมในการนำมาใช้เป็นกำแพงริมรั้ว
ราคากลาง ต้นไทรเกาหลี
ถุง 8 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ราคา 260 บาท
กระถาง 16 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ราคา 550 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : เทียนทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Duranta erecta L.
ชื่อเรียกอื่น : เทียนทอง, พวงม่วง, เทียนพญาอินทร์
ลักษณะทั่วไป : ลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ลำต้นแตกกิ่งก้านจำนวนมาก ทรงพุ่มแน่นทึบ เปลือกสีน้ำตาลอ่อน สูงประมาณ 3 เมตร ใบและดอกเด่นสะดุดตา ตอบสนองต่อแสงดีมาก นิยมปลูกเป็นไม้สวนกลางแจ้งสามารถตัดแต่งเป็นรูปทรงที่ต้องการได้
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรีถึงรูปไข่ กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 1.5-2 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบหยัก แผ่นใบสีเขียวอ่อนอมเหลืองถึงสีเหลืองทอง
ดอก : ออกดอกเป็นช่อ ยอดกิ่ง ดอกมีลักษณะเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ สีม่วง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ปลายแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 1.5 เซนติเมตร
ผล : ผลสด รูปกลม ขนาด 0.5-0.8 เซนติเมตร สีเหลือง มีเมล็ด 1 เมล็ด
การปลูกและดูแลรักษา : ต้นเทียนทองเป็นไม้ที่ชอบแสงจึงควรปลูกในที่โล่ง ไม่มีร่มไม้ใหญ่ โดยนิยมปลูกจากต้นกล้าจากการเพาะชำอายุต้นกล้าประมาณ 2-3 เดือน ก่อนปลูกต้องเตรียมแปลงหรือบริเวณปลูกด้วยการพรวนดิน และกำจัดวัชพืชเสียก่อน ระยะปลูกประมาณ 20-40 ซม. ขึ้นกับขนาดและอายุต้นกล้า การดูแลรักษาต้นเทียนทองเป็นไม้ที่ชอบแสงและดินชื้นไม่มากจึงรดน้ำเพียง 2 วัน/ครั้งพอชุ่ม แต่หากในช่วงฤดูแล้งที่อากาศร้อนจัด ควรรดเป็นประจำทุกวันโดยเฉพาะต้นเทียนทองที่มีอายุน้อย ส่วนการใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยคอกเพียงอย่างเดียวหรือใช้เศษใบไม้ ขี้เถ้าแกลบโรยโคนต้นเท่านั้น ไม่ควรใช้ปุ๋ยเคมีโดยเฉพาะปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพราะจะทำให้ใบมีสีเขียวสดมากใบมีสีเหลืองทองน้อยลง รวมถึงการได้รับแสงมากจะทำให้ใบเทียนทองมีสีเขียวมากขึ้น
การนำไปจัดสวน : ไม้พุ่มขนาดเล็ก
ราคากลาง ต้นเทียนทอง
ถุง 3 นิ้ว ราคา 6 บาท
กระถาง 16 นิ้ว ทรงพุ่มไม่ต่ำกว่า 50 ซม. ราคา 160 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : เทียนหยด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Verbenaceae
ชื่อเรียกอื่น : ฟองสมุทร, พวงม่วง, เทียนไข(กรุงเทพฯ), สาวบ่อลด(เชียงใหม่), เครือออน(แพร่), เอี่ยฉึ่ง(จีน)
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่บริเวณทวีปอเมริกาเขตร้อน เป็นพรรณไม้พุ่มเตี้ย สูง 1 – 2 เมตร แตกกิ่งก้านหนาแน่นยอดกิ่งลู่ลงใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามและจะออกหนาแน่นเป็นกระจุกรอบกิ่งก้านในช่วงปลายยอดใบเป็นรูปรีแกมรูปไข่ปลายใบแหลมโคนใบสอบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ใบเป็นสีเขียวสด เวลาใบดกจะเป็นพุ่มน่าชมมากดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบและปลายกิ่งแต่ละช่อประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมากช่อดอกจะห้อยลงเป็นระย้า ลักษณะดอก โคนเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ดอกแต่ละกลีบเป็นอิสระกัน ปลายกลีบโค้งมน มีเว้าเล็กน้อยบริเวณกลางกลีบ โคนกลีบสอบแคบ เวลามีดอกดกๆและบานพร้อมๆกันทั้งต้น ช่อดอกจะห้อยปลายลงเป็นระย้าดูงดงามมากดอกจะออกทั้งปีมีพันธุ์สีม่วงและสีขาวผลทรงกลม ขนาดเล็กปลายแหลมอยู่รวมกันเป็นช่อห้อยลงมา
การปลูกและดูแลรักษา : ปลูกขึ้นได้ในดินทั่วไป ไม่ชอบน้ำท่วมขัง ชอบแดดจัดเหมาะจะปลูกลงดินกลางแจ้ง หรือลงกระถาง ตั้งวางในที่มีแดดส่องถึงทั้งวัน นิยมปลูกเป็นไม้ขอบแปลงหรือแปลงใหญ่ ขยายพันธุ์โดย การเพาะเมล็ด ตอนหรืปักชำกิ่ง หลังการปลูก บำรุงด้วยปุ๋ยมูลสัตว์ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก 10 วันครั้งรดน้ำพอชุ่มเช้าเย็น ถ้าปลูกลงกระถางควรให้ปุ๋ยสูตร 16-16-16 อาทิตย์ละครั้ง สลับกับปุ๋ยมูลสัตว์ 10 วันครั้ง ตัดแต่งกิ่ง พรวนดินสม่ำเสมอจะทำให้ต้นเทียนหยด เจริญเติบโตเร็ว
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้พุ่ม รูปทรงไม่แน่นอน ลำต้นสูงได้ 1-3 เมตร กิ่งมีลักษณะลู่ลง ปลูกทำแนวเขตรั้วได้
ราคากลาง ต้นเทียนหยด
ถุง 3 นิ้ว ราคา 8 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ทองประกายแสด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Byrsonima crassifolia (L.) Kunth
ชื่อเรียกอื่น : ช่อทองคำ,พวงทองดำ,Golden Spoon,Nance,Savanna Serrette,Wild Craboo,Wild Cherry
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่บริเวณทวีปอเมริกาใต้ไล่ขึ้นไปถึงประเทศอเมริกาส่วนกลาง เป็นไม้พื้นเมืองที่ปลูกกันทั่วไปของบราซิล, เม็กซิโก, ทรินิแด, บาร์บาโดส, เปรู กิ่งอ่อน ๆ มีขนสีน้ำตาลปกคลุมก้านใบยาว 1-2 เซนติเมตรอยู่เยอะ หลังใบเป็นมัน ท้องใบมีขนเล็กน้อย ส่วนใบเป็นลักษณะใบเดี่ยวเป็นรูปไข่ ขนาด 4-8 x 7-12 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนรูปลิ่ม ขอบเรียบ แผ่นใบหนา โดยดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบและปลายยอด ดอกย่อย 10-30 ดอก กลีบเลี้ยงสีเขียว กลีบดอกสีเหลือง 5 กลีบโคนสอบแคบ ปลายย่น เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 2-3 เซนติเมตร ออกดอกเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อยขนาดเล็ก อายุหลายปี
การปลูกและดูแลรักษา : ขึ้นในดินที่มีแต่หินปนทราย แม้ดินจะไม่อุดมสมบูรณ์แต่ก็สามารถงอกงามได้ในดินที่ค่อนข้างขาดธาตุอาหาร ที่สำคัญที่สุดคือดินต้องระบายน้ำดี เป็นไม้ทนแล้งได้ดีจึงชอบแดดเต็มวัน แต่แล้งขาดน้ำมากไปก็อาจตายได้เช่นเดียวกัน ถ้าปลูกลงกระถางรถน้ำพอผ่าน 1-2 วัน/ครั้ง ก็อยู่ได้ การขยายพันธุ์ที่นิยมกันมากก็คือวิธีการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำกิ่ง
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้พุ่มทรงสูง ไม้ดอกไม้ประดับภายในสวน
ราคากลาง ต้นทองประกายแสด
ถุง 3 นิ้ว ราคา 6 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ทองดอกบวบ
ชื่อสามัญ : The Caricature plant.
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Graptophyllum pictum
ชื่อเรียกอื่น : ใบเงิน,ใบทอง,ใบนาค
ลักษณะทั่วไป : ต้นทองดอกบวบในเมืองไทยมีประมาณ 8 สายพันธุ์ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นสูงประมาณ 2-4 เมตร แตกกิ่งสาขาออกจากโคนต้น และเจริญพุ่งตรงไปข้างบน ลำต้นกลมเล็ก สีขาวปนเทา ใบเป็นใบเดี่ยวออกเป็นคู่ๆ สลับกันตามลำต้น ใบเป็นรูปรีปลายใบแหลมขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย พื้นใบสีเขียว กลางใบมีหลายสีเช่น สีเหลือง แดง ชมพู สลับกันในแผ่นใบ ออกดอกเป็นช่อ ตามส่วนยอดของลำต้น ลักษณะดอกเป็นหลอดยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร โคนเป็นหลอดจะมีกลีบดอก 3 กลีบ ดอกมีสีแดงเข้ม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ หรือไม้ตัดดอกสำหรับบูชาพระ
ใบเงิน แผ่นใบเป็นสีเขียว ที่กลางใบจะมีด่างสีขาวหรือสีเหลืองอ่อนจาง ๆ แทรกอยู่
ใบทอง แผ่นใบเป็นสีเขียวหรือสีเหลืองอ่อน ๆ มีสีเหลืองเข้มแทรกตามขอบใบ
ใบนาก แผ่นใบเป็นสีเขียวแกมน้ำตาลหรือสีเขียวอมม่วง และมีรอยด่างเป็นสีขาวและสีม่วงที่ไม่เป็นระเบียบ ส่วนขอบใบเป็นสีชมพูเข้ม
การปลูกและดูแลรักษา : ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการปักชำ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี โดยจัดเป็นพรรณไม้กลางแจ้งที่ชอบอยู่ในที่ร่มรำไร มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ต้องการแสงแดดเป็นบางเวลา
การนำไปใช้จัดสวน : จัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 1-2 เมตร เปลือกลำต้นเรียบ คนไทยนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป เนื่องจากสีสันของใบมีความโดดเด่นและสวยงาม
ราคากลาง ทองดอกบวบ
ถุง 3 นิ้ว ราคา 6 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ตาเบเหลือง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tabebuia argentea Britt.
ชื่อเรียกอื่น : เหลืองปรีดียาธร
ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูงไม่เกิน 8 เมตร ผลัดใบ ลำต้น เรือนยอดรูปไข่ เปลือกต้นสีน้ำตาล แตกเป็นร่อง กิ่งก้านแตกเป็นชั้น ใบ ใบประกอบรูปนิ้วมือ ใบย่อย 5-7 ใบ รูปรีแกม ขอบ ขนาน ปลายใบมนหรือแหลม โคนใบมนหรือสอบ ใบเหลือบสีเงินทั้งสองด้าน ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง 7-15 ดอก โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลาย แยก 5 กลีบ ผลเป็นฝัก สีเทา มีเส้นสีดำ ขยายพันธุ์ ด้วยเมล็ด
การปลูกและดูแลรักษา : ปลูกได้ในสภาพดินทั่วไป ถ้าเป็นดินร่วนระบายน้ำได้ดีจะดีมาก เจริญเติบโตปานกลาง
การนำไปใช้จัดสวน : ปลูกประดับสวน เป็นกลุ่มหรือต้นเดียว ในสนามหรือมุมอาคาร ดอกและใบสวยงาม เหมาะกับสวนธรรมชาติ ต้นเล็กควรค้ำยันตลอดเวลา
ราคากลาง ต้นตาเบเหลือง
ขนาด 2 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 2.5 เมตร ราคาต้นละ 650 บาท
ขนาด 3 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 2.5 เมตร ราคาต้นละ 1,050 บาท
ขนาด 4 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร ราคาต้นละ 1,650 บาท
ขนาด 5 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตร ราคาต้นละ 2,500 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ต้นแก้วมุกดา
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Fagraea ceilanica
ชื่อเรียกอื่น : –
ลักษณะ : แก้วมุกดาเป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ถ้าปลูกกลางแจ้งเป็นได้ทั้งไม้พุ่มเตี้ยๆ ประดับสวนหรือเป็นไม้พุ่มสูง 2-3เมตร บังแดด ให้ร่มเงาก็ได้ ทรงพุ่มจะออกทางแผ่กว้างออกด้านข้าง ให้ร่มเงาดี โตช้า (อ้างอิง : พรรณพฤกษา ณ ภูวนาลี, เดือนฉาย คอมันตร์) บริเวณที่ปลูก กลิ่นจะหอมแรงขึ้นในช่วงอากาศเย็นหรือหลังจากฝนตกใหม่ๆ
ประโยชน์ : เป็นพันธุ์ไม้ที่ใบไม่ค่อยร่วง ทรงต้นสวยงามไม่มีความจำเป็นต้องตัดแต่ง ปลูกเป็นไม้ประดับใบได้ดี เพราะว่ามีใบสวยงามมาก
การนำไปใช้จัดสวน : ให้ร่มเงา กลิ่นหอม ไม้พุ่ม ชอบแดด ต้องหมั่นรดน้ำ
ราคากลางต้นแก้วมุกดา
หน้า 2 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ราคาต้นละ 1,500 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้น)