Category Archives for "ต้นไม้จัดสวน"
รวบรวมข้อมูล ต้นไม้จัดสวนนานาชนิด ที่นี่.
รวบรวมข้อมูล ต้นไม้จัดสวนนานาชนิด ที่นี่.
ชื่อต้นไม้ : ยี่โถ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nerium oleander L.
ชื่อเรียกอื่น : ยี่โถฝรั่ง
ลักษณะทั่วไป : ยี่โถมีถิ่นกำเนิดในประเทศเมดิเตอร์เรเนียน เคบเวอดี ญี่ปุ่น
ต้น : ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นตั้งตรง แตกกิ่งก้านจำนวนมากที่โคนต้น ทุกส่วนของต้นมียางใส กิ่งอ่อนสีเขียว เปลือกสีน้ำตาลเข้ม
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับรอบกิ่ง ใบรูปแถบหรือรีแกมรูปขอบขนาน กว้าง 3-4 เซนติเมตร ยาว 15-17 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างหนา ผิวใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน เส้นกลางใบเด่นชัดทั้งสองด้าน
ดอก : สีชมพู ขาว แดง เหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกเชิงประกอบที่ปลายกิ่ง ช่อละ 20-50 ดอก มีทั้งดอกลาและดอกซ้อน พันธุ์ดอกลามีหลายสี เช่น สีชมพู ขาว แดง เหลือง ส่วนพันธุ์ดอกซ้อนสีชมพูเข้ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดอกมีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์ดอกลา ช่อดอกบานเต็มที่กว้าง 8-12 เซนติเมตร
ฝัก/ผล : เป็นฝักคู่ เมื่อแก่จะแตกเห็นเมล็ดภายในผล
เมล็ด : แบน รูปรี มีขนละเอียดคลุม
การปลูกและดูแลรักษา : ยี่โถนิยมปลูกด้วยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่งและปักชำกิ่ง
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้พุ่มขนาดกลางและไม้ประดับเหมาะสำหรับปลูกประดับสวนเป็นกลุ่มหรือเป็นแถว
ราคากลาง ต้นยี่โถ (กอ)
ความสูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ราคา 75 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : โมก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wrightia religiosa Benth.
ชื่อเรียกอื่น : โมกบ้าน หลักป่า ปิดจงวา
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศพม่า เวียดนาม เขมร มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
ต้น : เป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางลำต้นมีความสูงประมาณ 5-12 เมตร ผิวเปลือกสีนำตาลดำ ลำต้นกลมเรียบมีจุดเล็ก ๆ สีขาวประทั่วต้น แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบลำต้นไม่เป็นระเบียบ
ใบ : ใบเดียวออกเรียงกันเป็นคู่ตามก้านใบลักษณะใบ เป็นรูปไข่ รี ปลายใบมนแหลม โคนใบแหลม ขอบใบเรียบ เนื้อใบบางสีเขียว ขนาดใบกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร
ดอก : ออกดอกเป็นช่อสั้น ๆ อยู่ตามปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมีดอก 4-8 ดอก ดอกจะคว่ำหน้าลงสู่พื้นดินมีกลีบดอก 5 กลีบ มีสีขาวกลิ่นหอม ดอกบานเต็มที่มีขนาด ประมาณ 2 เซนติเมตร
ฝัก/ผล : รูปทรงกระบอกจะออกมาเป็นคู่ ลักษณะโค้งงอเข้าหากัน ภายในมีเมล็ดเรียงอยู่เป็นจำนวนมาก ขนาดความยาวของฝักประมาณ 10-15 เซนติเมตร เมล็ด จำนวนมาก มีขนสีขาวเป็นกระจุกที่ปลาย ออกดอกตลอดปี
การปลูกและดูแลรักษา : การปลูกในแปลงปลูกเพื่อประดับภายในบ้าน และปลูกในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารบ้านเรือน ชอบขึ้นในที่ชุ่มชื้น ขยายพันธุ์โดยการตอน การเพาะเมล็ด การปักชำ วิธีที่นิยมและได้ผลดี คือ การเพาะเมล็ด การปักชำ
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้ประดับบริเวณบ้านและสวน
ราคากลาง ต้นโมก
ถุง 6 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1 เมตร ราคา 70 บาท
ถุง 6 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1.2 เมตร ราคา 85 บาท
ถุง 6 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ราคา 100 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : มาลัยทอง (ไม้เลื้อย)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Byrsonima crassifolia (L.) Kunth
ชื่อเรียกอื่น : มาลัยนงนุช /Golden Wreath
ลักษณะทั่วไป : มาลัยทอง ไม้เลื้อยให้ดอกเป็นช่อเหลืองสดใส ห้อยย้อยดูแล้วเหมือนม่านมาลัยสีทอง เหลืองอร่าม สะดุดตา ใครเห็นใครก็ต้องหยุดมองในความเหลืองอร่ามของดอก
ลำต้น: เลื้อยได้ไกล 2 – 5 เมตร มีมือเกาะ กิ่งก้านเป็นเหลี่ยม
ลักษณะใบ : ใบประกอบ 3 ใบย่อยออกตรงข้าม รูปใบหอกแกมรูปรี กว้าง 6-7 เซนติเมตร ยาว 14-16 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ขอบใบจักซี่ฟัน แผ่นใบสีเขียวเข้ม ผิวใบเกลี้ยง ก้านใบยาว 8 เซนติเมตร โคนก้านอ้วนพอง
ดอก: ออกเป็นช่อตามปลายยอด ช่อยาว 15-45 เซนติเมตร กลีบประดับสีเหลือง แตกช่อย่อย ดอกย่อยเป็นหลอด กลีบเลี้ยง 5 กลีบรูปขอบขนาน ปลายแหลม กลีบดอกสีเหลือง โคนกลีบสีเหลืองเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกออกเป็น 5 กลีบซ้อนทับกัน ด้านบน 3 กลีบ ด้านล่าง 2 กลีบ มีขนปกคลุม เมื่อนำมาปลูกเลี้ยงจะออกดอกเป็นระยะตลอดปี แต่ในธรรมชาติออกเดือนสิงหาคมถึงกันยายน
การปลูกและดูแลรักษา : มาลัยทองสามารถขยายพันธุ์ง่ายเหมือนการเลี้ยงดูโดยใช้การปักชำเถาหรือลำต้น ตัดกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อน เป็นท่อนๆ ตัดใบออกบางส่วนแล้วนำไปปักในถุงชำ ที่ใช้แกลบดำผสมขุยมะพร้า รดน้ำให้ชุ่ม ปลูกในดินร่วน ระบายน้ำดีอินทรียวัตถุสูง ประมาณ 2 สัปดาห์ รากก็จะเริ่มงอกให้เห็น รอจนรากแข็งแรงดี
การนำไปใช้จัดสวน : ปลูกเป็นซุ้มไม้เลื้อยที่มีอายุหลายปี
ราคากลาง ต้นมาลัยทอง (ไม้เลื้อย)
กระถาง 8 นิ้ว ทรงพุ่มยาวไม่ต่ำกว่า 25 ซม. ราคา 85 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : พิทูเนีย
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Petunia hybrida Vilm.
ชื่อเรียกอื่น : –
ลักษณะทั่วไป : พิทูเนียมีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ บราซิล และอาร์เจนตินา ซึ่งพบมากกว่า 40 ชนิด แต่ชนิดที่นิยมปลูกมากจะเป็นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง P. axilliaris (Lam.) ที่มีดอกสีขาวกับ P.integufolia (Hook.) มีดอกสีม่วงบานเย็น นอกจากนั้นยังพบการปลูกของสายพันธุ์ลูกผสมอื่น ๆ อีกหลายชนิด พิทูเนีย เป็นพืชอายุข้ามปี ลำต้นแตกกิ่งเป็นทรงพุ่มเตี้ย ๆ และเมื่อกิ่งยาวมากก็จะโน้มลงดินเลื้อยตามพื้น ลำต้นมีขนาดเล็กและเป็นเหลี่ยม ด้านในเป็นเยื่ออ่อนไม่เป็นเนื้อไม้ ลำต้นสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ส่วนรากประกอบด้วยรากแก้วสั้น และมีระบบรากฝอยแตกออกจำนวนมาก ทั้งนี้พิทูเนียที่เราเห็นเป็นพุ่มหนาจะเกิดจากจำนวนต้นที่ขึ้นเบียดกันแน่นเพราะเมล็ดมีขนาดเล็กมากมักเกาะใกล้กันเวลาเพาะ ใบพิทูเนียออกเป็นใบเดี่ยวเป็นคู่ ๆ ตรงข้ามกันตามลำต้นและกิ่ง แต่ละคู่ออกสลับตั้งฉากกัน ใบแต่ละใบมีรูปไข่ ค่อนข้างรี มีก้านใบสั้นมาก คล้ายใบยาสูบ แต่มีขนาดเล็กกว่า กว้าง 4-6 เซนติเมตร ยาว 8-10 เซนติเมตร โคนใบสอบแคบ ปลายใบแหลม แผ่นใบและขอบใบเรียบ แผ่นใบอ่อน แต่ค่อนข้างหนา แผ่นใบทั้งด้านบนและด้านล่างมีขนขนาดเล็กปกคลุมแน่น
การปลูกและดูแลรักษา : พิทูเนีย นิยมปลูกด้วยเมล็ดเป็นหลัก แต่สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่นได้เช่นกัน อาทิ การปักชำกิ่ง แต่ไม่นิยม เพราะการใช้เมล็ดจะง่ายและรวดเร็วกว่า
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้ประดับดอกต่างประเทศที่นิยมปลูกมากชนิดหนึ่ง เนื่องจากดอกมีขนาดใหญ่ กลีบดอกมีหลายสีและมีสีสดใส ลำต้นมีขนาดเล็ก สามารถปลูกและเติบโตได้ดีทั้งในกระถาง และปลูกในแปลงจัดสวนนอกจากนั้นยังออกดอกได้ต่อเนื่องหลายปี
ราคากลาง ต้นพิทูเนีย
ถุง 4 นิ้ว มีดอก ราคา 15 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ปาล์มฟอกเทล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Wodyetia bifurcate A.K. Irvine
ชื่อเรียกอื่น : ฟ็อกเทล (Foxtail palm), ปาล์มหางหมาป่า, ปาล์มหางกระรอก
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดจากตอนเหนือของออสเตรเลีย ควีนส์แลนด์ เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ลำต้นป่องเล็กน้อย สูงได้ถึง 15 เมตร ลักษณะของใบเป็นใบแบบขนนก (Feather palm Leaf) ซึ่งมีลักษณะใบพวงกลมคล้ายกับหางกระรอกหรือหางหมาป่านั่นเอง ขนาดของใบกว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 45-75 เซนติเมตร ฟ็อกเทลเป็นปาล์มที่มีลักษณะ “สมบูรณ์เพศ” คือ สามารถติดช่อและออกดอกได้โดยตัวของตัวเอง ดังนั้นปัจจุบันฟ๊อกเทลจึงราคาตกลงมากเพราะขยายพันธุ์ได้ง่าย เลี้ยงง่าย และโตง่าย เนื่องจากลักษณะใบของฟ็อกเทลเป็นใบแบบขนนก (Feather palm leaf) ซึ่งใบจะมีลักษณะเป็นเส้น ไม่ดูหนาและหนักเท่ากับปาล์มที่มีลักษณะเป็นใบพัด (Fan palm leaf) ดังนั้น ถ้าหากเราปลูกในสถานที่ที่ค่อนข้างกว้าง ลักษณะใบจะดูไม่เด่น ไม่ชัดเจน เทคนิควิธีการโชว์ใบของปาล์มแบบขนนกนั้น
การปลูกและดูแลรักษา : สามารถทำได้ด้วยการเพาะเมล็ด และในช่อหนึ่งนั้นจะมีเมล็ดที่ติดเป็นจำนวนมาก เป็นต้นไม้ที่ชอบแดดจัด
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นปาล์มต้นเดี่ยวผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ปลูกเป็นกลุ่ม 2 ต้น หรือ 3 ต้น จะช่วยทำให้ใบดูมีความชัดเจนและสง่าขึ้น
ราคากลาง ต้นปาล์มฟอกเทล
ความสูงจากโคนถึงคอใบไม่น้อยกว่า 2 เมตร ราคา 800 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ประยงค์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aglaia odorata Lour.
ชื่อเรียกอื่น : ประยงค์บ้าน, ประยงค์ใบใหญ่, ขะยง, ขะยม, พะยงค์ ยม, หอมไกล
ลักษณะทั่วไป : มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศไทย พม่า ลาว อินโดนีเชีย เป็นต้น รวมถึงประเทศจีนตอนใต้และอินเดีย ซึ่งมักพบตามป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ บ้านเรือน ริมแม่น้ำ ลำคลองต่าง ๆ จัดเป็นไม้ดอกไม้ประดับที่นิยมปลูกตามบ้านเรือน และสถานที่สาธารณะต่างๆ เนื่องจากลำต้นค่อนข้างเตี้ย แตกกิ่งมากและใบดก ทำให้เป็นทรงพุ่มหนา นอกจากนั้นดอกประยงค์ยังมีสีเหลืองสวยงามและส่งกลิ่นหอมแรงเมื่อดอกบาน มีทรงพุ่มค่อนข้างเป็นวงกลม ลำต้นสูงประมาณ 3-6 เมตร และอาจพบสูงได้มากกว่านี้ ลำต้นมีกิ่งแตกออกที่ระดับต่ำประมาณ 1 เมตร ซึ่งเป็นส่วนของแกนลำต้น ส่วนที่เหลือเป็นกิ่งหลัก ผิวลำต้นไม่ค่อยเรียบมักเป็นลูกคลื่น เปลือกลำต้นมีสีเทา ส่วนเนื้อไม้ของต้น และกิ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะหักง่ายไม่นิยมใช้สำหรับการก่อสร้างหรือการแปรูปต่าง ๆ แต่ใช้เป็นเชื้อเพลิงได้
การปลูกและดูแลรักษา : ประยงค์สามารถทำได้ทั้งการเพาะเมล็ด การตอน และการปักชำกิ่ง แต่ที่นิยมคือ การตอนและการปักชำกิ่ง เพราะช่วยให้ได้ต้นพันธุ์ไม่สูงต้นออกดอกได้หลังปลูก
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้นแตกกิ่งมาก และมีใบดกทำให้เป็นทรงพุ่มหนาทึบ ทรงพุ่มค่อนข้างเป็นวงกลม
ราคากลาง ต้นประยงค์
กระถาง 16 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 80 ซม. ราคา 450 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ประทัดไต้หวัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Hamelia patens Jacq.
ชื่อเรียกอื่น : พวงประทัด/ประทัดฟิลิปปินส์/ประทัดทอง/ประทัดเล็ก/Coloradillo/Fire Bush/Scarlet Bush
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มกลม กิ่งก้านมีสีน้ำตาลแดงเรื่อ
ใบ : มีลักษณะเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามหรือรอบข้อประมาณ 3 ใบ ใบรูปรีถึงรูปไข่ กว้าง 5-7 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเป็นคลื่นเล็กน้อย ผิวใบด้านบนสีเขียวอม เหลือง เป็นมัน
ดอก : มีลักษณะเป็นดอกสีส้มแดง ออกเป็นช่อแบบช่อกระจุกตามซอกใบและปลายกิ่ง โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน เป็นหลอดแคบเล็ก ปลายแยก 4 แฉก หยักเป็นแฉกเล็ก ๆ
ผล : มีลักษณะเป็นผลสดแบบมีเนื้อ รูปไข่ กว้างประมาณ 6 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร เมื่อแก่มีสีดำ มีเมล็ดจำนวนมาก
การปลูกและดูแลรักษา : ขึ้นได้ในดินทั่วไป ระบายน้ำได้ดี ชอบแสงแดดจัดและไม่ทนน้ำท่วมขังมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วและชอบความชื้นในระดับปานกลาง สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำและตอนกิ่ง
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้พุ่มสามารถตัดแต่งทรงพุ่มได้ดี จึงนิยมปลูกเป็นแนวรั้ว เกาะกลางถนน ริมทางเดิน บังกำแพง ริมสระว่ายน้ำ และริมทะเล
ราคากลาง ต้นประทัดไต้หวัน
ถุง 3 นิ้ว ราคา 9 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ไทรทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus altissima Blume
ชื่อเรียกอื่น : ไทรย้อยใบแหลมด่าง
ลักษณะทั่วไป : ไทรทองเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 2.5-3 เมตร มีพูพอน เปลือกต้นสีน้ำตาลอมเทาแตกกิ่งกระจายรอบต้น พุ่มทรงกลม ค่อนข้างหนาทึบ มีน้ำยางสีขาว รากอากาศเหนียว ใบ เดี่ยว รูปไข่ กว้าง 10 ซม. ยาว 18 ซม. สีเขียวเข้ม มีหูใบหุ้มยอด ใบอ่อนสีเขียวสดเป็นมัน หูใบหุ้มยอดอ่อนไว้ ดอกช่อ ไม่มีก้านดอก โคนช่อดอกมีใบประดับขนาดเล็ก 3 ใบรองรับช่อดอก ผล สุกแล้วอ่อนนุ่ม สีเหลือง แต่ละผลมีเนื้อบางๆ และมีเมล็ด 1 เมล็ด
การปลูกและดูแลรักษา :
การปลูกมี 2 วิธี
ความต้องการของต้นไม้
แสง ต้องการแสงแดดอ่อน จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง จนถึงมาก ควรให้น้ำ 3-5 วัน/ครั้ง
ดิน ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย ความชื้นปานกลาง
ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5: 2 กิโลกรัม/ต้น ควรใส่ปีละ 4-5 ครั้ง
โรค ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรค เพราะมีความทนทานต่อโรคได้ดี
ศัตรู เพลี้ยแป้ง (Mealy bugs)
อาการ กัดแทะใบ ทำให้ใบเป็นรู เป็นรอย ต่อมาใบจะเหลืองและแห้ง
การป้องกัน การรักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก การกำจัดพาหนะแพร่ระบาด พวกมดต่างๆ
การกำจัด ใช้ยาไดอาซินอน อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับเป็นไม้ประดับให้ร่มเงาได้ดี
ราคากลาง ต้นไทรทอง
ถุง 3 นิ้ว ราคา 6 บาท
กระถาง 6 นิ้ว ราคา 15 บาท
กระถาง 16 นิ้ว ทรงพุ่มไม่ต่ำกว่า 50 ซม. ราคา 150 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ไทรด่าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus benjamina L. var. variegata
ชื่อเรียกอื่น : ไทรย้อยใบแหลมด่าง
ลักษณะทั่วไป : ไทรด่างเป็นพืชบกกลางแจ้ง ความสูงของต้นอยู่ประมาณ 1 เมตรทรงพุ่ม กว้าง 0.45 เมตร ลำต้นเหนือดิน ตั้งตรงเองได้ ผิวลำต้นหยาบเรียบ เห็นข้อปล้องไม่ชัดเจน ต้นอ่อนสีเขียว ต้นแก่สีน้ำตาลเข้ม ไม่มีน้ำยาง ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ ใบอ่อนสีเขียวอ่อน ใบแก่สีเขียวเข้ม การเรียงตัวของใบบนกิ่ง เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ขนาดแผ่นใบกว้าง 4-6 ซม. ยาว8-10 ซม. แผ่นใบรูปหอก ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมน ขอบใบเรียบใบเป็นรูปไข่ มีสีเขียวแกมเหลืองหรือเหลืองออกขาวนิยมปลูกเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ ลำต้นมีสีเทา เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ทรงพุ่มหนาทึบ ใบรูปไข่ปลายใบแหลม ฐานใบเรียวสอบเข้าหาก้านใบ ก้านใบค่อนข้างสั้น พื้นใบมีมีสีเขียวอมเทา ด่างขาวบริเวณขอบใบทั้งสองด้านรวมทั้งตามผิวบางส่วน
การปลูกและดูแลรักษา : ปลูกขึ้นได้ดีในดินร่วน ชอบแสงปานกลาง แสงมากชอบความชื้น สามารถขยายพันธุ์โดยการปักชำและการตอนกิ่ง
การนำไปใช้จัดสวน : เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ทรงพุ่มหนาทึบ เหมาะสำหรับเป็นไม้ประดับให้ร่มเงา
ราคากลาง ต้นไทรด่าง
กระถาง 16 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ราคา 625 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)
ชื่อต้นไม้ : ไทรเกาหลี
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus annulata
ชื่อเรียกอื่น : –
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้พุ่มทรงสูง และทรงของพุ่มจะค่อนข้างแน่น ตัวพุ่มประกอบไปด้วยใบสีเขียวสดที่เรียงตัวซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ เมื่อโตเต็มที่ไทรเกาหลีจะมีขนาดความสูงได้ประมาณ 5-6 เมตร ส่วนตัวใบของต้นไทรเกาหลีนั้นจะมีสีเขียวเข้มจัด รูปทรงค่อนข้างเรียว ใบมัน และมียางสีขาว ส่วนของลำต้นด้านบนจะเห็นไม่ชัดเนื่องจากใบที่หนาแน่นปกคลุมอยู่มาก โดยตัวลำต้นส่วนล่างที่มองเห็นได้จะมีสีเทาปนน้ำตาล ตามกิ่งจะมีรากย้อยลงมาซึ่งเป็นลักษณะแบบเดียวกับต้นไทรชนิดอื่นด้วยจุดเด่นของไทรชนิดนี้อยู่ที่การแตกกิ่งที่หนาแน่นและมีใบดกสีเขียวสดปกคลุม ทำให้แลดูชุ่มชื่นตลอดปี โดยทั่วไปไทรเกาหลีจึงถูกนิยมนำมาปลูกประดับเป็นแนวรั้ว ปลูกริมกำแพงร่วมกับพืชดอกชนิดอื่นหรืออาจนำมาใช้ทำเป็นกำแพงต้นไม้ไปเลยก็ได้
การปลูกและดูแลรักษา : ต้นไทรเกาหลีเป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงแดดจัดจึงควรนำมาปลูกกลางแจ้งไม่ควรนำไปปลูกไว้ในที่ร่มหรือห้องรับแขกเพราะจะทำให้ต้นแตกกิ่งก้านและผลิใบน้อยลงและไม่เติบโตเท่าที่ควร ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของต้นไทรเกาหลีคือแทบจะไม่มีการผลัดใบ ทำให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการกับปัญหาเศษใบไม้ร่วง สำหรับการดูแลรักษานั้นและเพาะพันธุ์นั้นพบว่าไทรเกาหลีมีความต้องการน้ำในระดับปานกลางและสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเสียบยอดหรือเพาะเมล็ด
การนำไปใช้จัดสวน : ไม้พุ่มทรงสูงและทรงของพุ่มจะค่อนข้างแน่นนิยมในการนำมาใช้เป็นกำแพงริมรั้ว
ราคากลาง ต้นไทรเกาหลี
ถุง 8 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ราคา 260 บาท
กระถาง 16 นิ้ว สูงไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ราคา 550 บาท
(ราคาปี 2556 / ราคาต้นไม้จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับฟอร์มของต้นไม้นั้นๆ)